วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559

กลุ่มสิทธิผล เปิดแผนปี 59 เดินหน้าเจรจาภาครัฐลุยงานเมกะโปรเจ็กต์




กลุ่มสิทธิผล เตรียมทัพรอบด้านหลังประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 59 เติบโตยาก
พร้อมเดินหน้าเจรจาภาครัฐร่วมงานเมกะโปรเจ็กต์ เพิ่มหลังได้สัญญาติดตั้งหลอดไฟบนท้องถนนไปแล้วเป็นระยะเวลา 15 ปี ขณะที่วางงบลงทุนกว่า 3 พันล้านบาท เพิ่มเติมศักยภาพทุกธุรกิจในเครือ วางเป้าหมายรายได้รวมโต 10-15%



นายทนง ลี้อิสสระนุกูล
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์รถจักรยานยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมของกลุ่มสิทธิผลปีที่ผ่านมายังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 11-12% แม้ดูเหมือนว่าวงการรถยนต์จะไม่ดี วงการมอเตอร์ไซค์ที่ออกมาใหม่ในตลาดก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่นั่นก็ทำให้อัตราการใช้รถเก่าของคนมีระยะเวลานานขึ้น เกิดการใช้อะไหล่รถยนต์เพิ่มมากขึ้นตามมา

สำหรับ สิทธิผลเองถือเป็นผู้นำตลาดในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์และจักรยานยนต์ จึงทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์การตลาดได้ แม้ว่าบางสถานการณ์ของตลาดจะมีปัญหา อย่างเรื่องของ ยาง ที่มีภาระในเรื่องของยางธรรมชาติ ซึ่งสิทธิผลเองพยายามให้ความร่วมมือกับชาวสวนยางทางภาคใต้อย่างมากในการรับซื้อยางตามนโยบายของภาครัฐในการนำยางพารามาใช้ประโยชน์ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้นำยางส่วนหนึ่งไปทำถนน และยังจะนำไปใช้ในส่วนอื่นเพิ่มเติมแต่จะเป็นส่วนไหนขณะนี้ยังบอกรายละเอียดไม่ได้โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับรัฐบาล
ขณะที่แผนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ ปีนี้บริษัทเองได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ เน้นความหลากหลายของสินค้า และการขยายไลน์ของสินค้าใหม่ ซึ่งล่าสุดบริษัทได้เข้าไปในไลน์ของบิ๊กไบค์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น น้ำมันเครื่อง โซ่ และยาง ขณะที่บริษัทในเครือเองก็ได้มีการวางกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจในส่วนต่างๆ ไว้แล้วด้วยเช่นกัน อย่างบริษัท อีโนเว รับเบอร์ เองยังจะได้มีการพัฒนาสินค้าในกลุ่มชิ้นส่วนยางเพิ่มมากขึ้น  บริษัท ไดโด สิทธิผล จำกัด ผู้ผลิตโซ่มาตรฐานญี่ปุ่นในไทย ภายใต้แบรนด์ D.I.D ได้ทำการโซ่สำหรับรถบิ๊กไบค์ขนาด 250 – 800 ซีซี เพื่อเติมเต็มกลุ่มสินค้าสำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ของกลุ่มสิทธิผลให้สนองต่อความต้องการของกลุ่มผู้ขับขี่รถบิ๊กไบค์ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก และอีกไม่นานจะทำการผลิตโซ่ในขนาด 1-1.2 พันซีซีเข้ามาเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ในส่วนของบริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า แม้ว่าการเติบโตยังไม่สูงมากนักเนื่องจากยอดขายของรถยนต์ใหม่ดรอปลงไป แต่ในแง่ของรายได้ถือว่ามีมูลค่าที่สูงกว่าบริษัทอื่นในเครือ เนื่องจากมีสินค้าครอบคลุมตั้งแต่อุปกรณ์ส่องสว่างยานยนต์ หลอดไฟฟ้า โคมไฟ ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ได้รับสัญญาจากรัฐบาลในส่วนของหลอดไฟบนท้องถนนเป็นระยะเวลา 15 ปี และเรื่องของถนนด้วย

สำหรับงบการลงทุนปีนี้วางไว้ประมาณ 3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านั้นที่ใช้ประมาณ 2 พันล้านบาท แบ่งออกเป็นการลงทุนของโรงงานดีไอดี 500 ล้านบาท, โรงงานแฟซิฟิก ออโตโมทีฟ ที่ได้ยื่นเรื่องขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ คาดว่า จะใช้เม็ดเงินลงทุนเบื้องต้น 800 ล้านบาท, โรงงานไออาร์ซี 500 ล้านบาท,โรงงานสแตนเลย์การไฟฟ้า 1 พันล้านบาท

นายทนง กล่าวต่อว่า แผนการดำเนินธุรกิจทั้งกลุ่มที่เข้มข้นในปีนี้จะทำให้บริษัทเติบโตไม่น้อยกว่า 10-15% โดยมองว่าจะมาจากธุรกิจไม่ใช้กลุ่มออโตโมทีฟเยอะขึ้น เพราะสิทธิผลมีสินค้าในกลุ่มที่หลากหลาย และปีนี้บริษัทอาจเข้าไปทำเรื่องของโครงการรถไฟ เรื่องของระบบส่งกำลัง และโครงการเรื่องของการทำถนน ซึ่งขณะนี้ได้มีการเข้าไปเจรจากับภาครัฐในหลายโครงการ ซึ่งโครงการที่กล่าวมานั้นค่อนข้างจะเห็นผลกำไรเร็ว ซึ่งถือเป็นการปรับตัวของธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว

ขณะที่ สัดส่วนรายได้ที่มาจากกลุ่มออโตโมทีฟเองก็ไม่ได้ลดลงเพราะบริษัทได้มีการนำสินค้าใหม่เข้ามาเสริม เพิ่มเติมในตลาดอยู่ตลอดเวลา แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้มองว่าเติบโตลำบากซึ่งเหลือแต่รถยนต์ในกลุ่ม SUV PPV ที่ยังสามารถขายได้ ส่วนรถยนต์ประเภทอื่นจะขายยากขึ้นโดยเฉพาะรถยนต์ประเภทอีโคคาร์ ทั้งนี้เกิดจากผลพวงเรื่องของโครงการรถยนต์คันแรกที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อาจกลับมาเติบโตได้เพราะอย่างไรคนก็ยังใช้รถยนต์อยู่ ขณะที่ในส่วนของรถจักรยานยนต์ปีนี้บิ๊กไบร์เติบโตอย่างแน่นอนเพราะขณะนี้ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก

สำหรับ กลุ่มสุทธิผลเองวางเป้าผลประกอบการในปีนี้เติบโตขึ้น 10-15% จากปี 2558 ที่ผ่านมาปิดไปที่  5 หมื่นกว่าล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้มาจาก กลุ่มออโตโมทีฟ 50% และกลุ่มที่ไม่ใช้ออโตโมทีฟ 50%  ขณะที่บริษัท สุทธิผล 1919 เองมีรายได้อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Disqus Shortname

Comments system