ภาพประกอบจาก : asean-focus.com
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) ของบรูไนฯ
มีมูลค่าประมาณ 51,200 ล้านเหรียญสหรัฐ และประชากรมีรายได้ต่อหัว 53,100
เหรียญสหรัฐ เศรษฐกิจของบรูไนฯ เป็นระบบตลาดเสรีภายใต้การดูแลของรัฐ
รายได้หลักของภาคส่งออกของประเทศมาจากน้ำมันประมาณร้อยละ 48
และก๊าซธรรมชาติประมาณร้อยละ 43 สินค้าส่งออกหลักของบรูไนฯ คือ
น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ทำให้บรูไนฯ เกินดุลการค้ามาโดยตลอด
สินค้าส่วนใหญ่ส่งออกไปยังญี่ปุ่น อังกฤษ ไทย สิงคโปร์ ไต้หวัน
สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ และสาธารณรัฐเกาหลี ตามลำดับ สินค้า
นำเข้าส่วนใหญ่มาจากสิงคโปร์ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย
โดยเป็นสินค้าประเภทเครื่องจักรอุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องมือ
เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ และสินค้าเกษตร เช่น ข้าวและผลไม้
บรูไนฯ
เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียนที่ไม่ได้รับการกล่าวถึงมากนักส่วนหนึ่งอาจ
เป็นเพราะมีสถานะเป็นเพียงประเทศเล็ก ๆ
ที่พึ่งพารายได้จากการส่งออกสินค้าเพียงไม่กี่รายการ
จึงไม่ค่อยได้รับความสนใจมากเท่ากับประเทศสมาชิกประเทศอื่น ๆ
แต่แท้จริงแล้วบรูไนฯ เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงทั้งด้านการค้าและการลงทุน
แม้มีพื้นที่ประเทศเพียง 5,765 ตารางกิโลเมตร ขนาดเล็กเป็นอันดับ 2
ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ แต่บรูไนฯ
เป็นประเทศที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
ซึ่งสร้างรายได้เข้าประเทศถึงร้อยละ 95 ของมูลค่าส่งออกรวมของประเทศ
หรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 60 ของเศรษฐกิจบรูไนฯ ทั้งหมด
นอก
จากนี้ บรูไนฯ ได้รับการจัดเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในเอเชีย
การเมืองมีเสถียรภาพ ประกอบกับชาวบรูไนฯ
ส่วนใหญ่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี
และมีอัตราการรู้หนังสือสูงถึงร้อยละ 95 ของประชากรทั้งหมด
เนื่องจากรัฐบาลบรูไนฯ สนับสนุนงบประมาณแก่ประชากรด้านการศึกษาโดย
ไม่เสียค่าใช้จ่ายจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้บรูไนฯ
มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งที่เอื้อให้ผู้ประกอบการไทยใช้เป็นโอกาสในการเปิดตลาด
การค้าการลงทุนจากการเปิดเสรีภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้
โอกาสการลงทุน
บรูไนฯ
ให้ความสำคัญกับการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อให้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา
เศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ โดยจัดตั้ง Brunei Economic Development
Board (BEDB) เมื่อปี 2545
เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ
เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่คาดการณ์ว่าจะ
ลดปริมาณลงมากในอีก 20 ปีข้างหน้า ทั้งนี้
การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของบรูไนฯ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศภายใต้ Wawasan Brunei 2035
โดยมุ่งเน้นการรักษาระดับการจ้างงาน การเปิดตลาดธุรกิจและอุตสาหกรรมใหม่
และการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ เป็นต้น
บรูไนฯ
อนุญาตให้ผู้ประกอบการต่างชาติเข้ามาลงทุนได้เกือบทุกสาขา
รวมถึงอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ถึงร้อยละ 100 ในทุกสาขา
ยกเว้นอุตสาหกรรมที่ใช้ทรัพยากรภายในประเทศและอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับความ
มั่นคงทางอาหารแห่งชาติ ซึ่งยังต้องมีผู้ถือหุ้นภายในประเทศอย่างน้อยร้อยละ
30 ในสาขาการเกษตรประมง และการแปรรูปอาหาร อย่างไรก็ตาม
ยังไม่มีคำนิยามที่ชัดเจนว่าสาขาใดที่ต้องมีผู้ถือหุ้นภายในประเทศ
ในด้านการส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติเน้นการให้สิทธิพิเศษทางภาษี เช่น
ภายใต้โครงการผู้บุกเบิก (The Pioneer Status Program)
บริษัทจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลาถึง 8 ปี
และได้รับยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ที่ใช้ในโรงงาน
ทั้ง
นี้ มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับบรูไนฯ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญจากไทยไปยังบรูไนฯ ได้แก่
อุปกรณ์รถยนต์และส่วนประกอบ ข้าว อัญมณีและเครื่องประดับ
หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบน้ำตาลทราย ปูนซีเมนต์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป
เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่อง ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง
และผลิตภัณฑ์ยาง ส่วนสินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้าจากบรูไนฯ คือ น้ำมันดิบ เหล็ก
เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์
สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่น ๆ
เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เยื่อกระดาษและเศษกระดาษผลิตภัณฑ์โลหะ
เสื้อผ้าสำเร็จรูป และเครื่องใช้เบ็ดเตล็ด
อุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการลงทุน
ธุรกิจด้านอาหาร
-
บรูไนฯ ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารฮาลาลรายใหญ่ของโลก
รวมทั้งสร้างแบรนด์อาหารฮาลาลของประเทศ นอกจากนี้ ประชากรบรูไนฯ ร้อยละ 66
นับถือศาสนาอิสลามส่งผลให้มีตลาดอาหารฮาลาลในประเทศขนาดใหญ่
-
รัฐบาลบรูไนฯ ส่งเสริมการลงทุนในภาคเกษตรกรรม
เนื่องจากปริมาณผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอกับการบริโภค โดยเฉพาะการปลูกข้าว
บรูไนฯ ตั้งเป้าเพิ่มผลผลิตข้าวให้ได้ร้อยละ 60
ของการบริโภคในประเทศภายในปี 2558
ธุรกิจยาและเภสัชกรรม
- บรูไนฯ ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมยาและเภสัชกรรมของภูมิภาค
-
บรูไนฯ เริ่มกำหนดแนวทางและมาตรฐานด้านฮาลาลในอุตสาหกรรมยา ทั้งนี้
เมื่อปี 2553 บรูไนฯ
ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งโรงงานผลิตยามาตรฐานฮาลาลแห่งแรกของประเทศในเขต
อุตสาหกรรม Lambak Kanan East Industrial Site
ธุรกิจปิโตรเคมี
-
บรูไนฯ
ได้ร่วมทุนกับนักลงทุนชาวญี่ปุ่นจัดตั้งโรงงานผลิตเมทานอลซึ่งมีกำลังการ
ผลิต 850,000 ตันต่อปี
และเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2553
การจัดตั้งโรงงานดังกล่าวนับเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมน้ำมัน
และก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงในบรูไนฯ
ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ
- บรูไนฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นลำดับต้น ๆ และตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศในภูมิภาค
อุปสรรคการลงทุน
- บรูไนฯ ขาดแคลนแรงงานทำให้ต้องจ้างแรงงานต่างชาติจำนวนมาก
-
การขนส่งสินค้าทางเรือมีอุปสรรคมาก เนื่องจากเรือที่บรรทุกสินค้าไปบรูไนฯ
มีสินค้าเฉพาะเที่ยวขาไป แต่ไม่มีสินค้าในเที่ยวขากลับ
ประกอบกับประเภทของเรือที่ใช้บรรทุกสินค้าในการส่งออกและนำเข้ามีความแตก
ต่างกัน โดยสินค้าที่ไทยนำเข้าจากบรูไนฯ ส่วนใหญ่เป็นน้ำมันดิบ
ซึ่งต้องใช้เรือในการขนส่งน้ำมันโดยเฉพาะ
นอก
จากนั้น สินค้าต่าง ๆ ที่ไทยส่งออกไปยังบรูไนฯ
มีจำนวนไม่มากการขนส่งส่วนใหญ่ต้องผ่านการขนถ่ายสินค้าที่สิงคโปร์ก่อน
เป็นสาเหตุให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายสูง
รวมทั้งยังมีข้อบังคับการนำเข้าสินค้าประเภทอาหารที่เคร่งครัดมาก
โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ได้แก่ เนื้อโค กระบือ แพะ แกะ และไก่
มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรับผิดชอบของบรูไนฯ คือ กระทรวงศาสนา (Ministry of
Religious Affairs) และกรมเกษตร กระทรวงอุตสาหกรรม (Ministry of Industry
and Primary Resources) ดำเนินการตรวจสอบโรงงาน
ทั้งกระบวนการกรรมวิธีการผลิตและการเก็บรักษา เป็นต้น
หากผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรองแล้ว
จึงจะสามารถส่งสินค้าไปจำหน่ายในบรูไนฯ ได้
ขั้นตอนเหล่านี้ทำให้เกิดความล่าช้าและไม่คล่องตัวในการนำเข้าสินค้าอาหารไป
ยังบรูไนฯ
โดย กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชยฺ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น